รถเข็น (
0
ชิ้น)
สั่งซื้อ
Enter your search terms
Submit search form
Web
ค้นหาภายในเว็บนี้
รถสีเขียว รักแร้สีขาว และการเมืองเรื่องความจริง
พิมพ์หน้านี้
ส่งหน้านี้ให้เพื่อน
เขียนโดย
admin
อังคาร 06 กุมภาพันธ์ 2550 @ 17:00
แม้จะไม่เคยเห็นผลงานวิจัยและไม่มีความจริงจากผลสำรวจโพลล์ของสำนักต่างๆ มาอ้างอิง ผมก็เชื่ออย่างสนิทใจของผมเองว่าการจราจรในกรุงเทพฯทำให้คนเป็นโรคประสาทได้ เพราะการขับขี่รถในสภาพที่การจราจรติดขัดนั้น นอกจากจะทำให้เกิดอาการหงุดหงิดง่ายแล้ว บางครั้งยังทำให้เกิดการรับรู้ความจริงที่สับสนด้วย
คือไม่รู้ว่าความจริงอันไหนเป็นความจริงมากกว่าอันไหน
บางทีขับรถอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจและรีบชะลอความเร็วรถหรือต้องรีบคาดเข็มขัดนิรภัยเพราะเห็นตำรวจจราจรยืนอยู่ที่ทางแยก พอดูอีกทีที่แท้ตำรวจที่เห็นนั้นเป็นแค่หุ่นตำรวจตกแต่งไว้หลอกคนขับรถไม่ให้ทำผิดกฏจราจร ซึ่งก็คงได้ผลจริง ๆ
การรับรู้และการนิยามความจริงบนท้องถนนจึงอาจสับสนและไม่ตรงไปตรงมา
ความจริงบางอย่างสับสนยิ่งกว่านั้น รถบางคันสีดำชัด ๆ แต่ดันติดสติ๊กเกอร์ตัวเบ่อเร่อว่า รถคันนี้สีเขียว
ถ้าใครเคยเห็นรถที่ติดป้ายทำนองนี้แล้วคิดว่าเจ้าของรถเป็นบ้าหรือประสาทเสีย คงต้องทำความเข้าใจใหม่ เพราะปรากฏการณ์ที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องของความบ้า แต่เป็นเรื่องของการนิยามความจริงที่เป็นไปตามสโลแกนของพวกโพสต์โมเดิร์นที่ว่า ความจริงไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า
ต้องให้ข้อมูลเป็นเบื้องต้นก่อนว่า เจ้าของรถโพสต์โมเดิร์นเหล่านี้ต้องการเปลี่ยนสีรถครับ
ที่ต้องการเปลี่ยนสีก็อาจเป็นเพราะไปถูกทำนายทายทักจากหมอดูหรือเทพธิดาพยากรณ์ที่ใหนสักแห่งทักเข้าว่าสีดำของรถที่ขับอยู่นั้นไม่ถูกโฉลกกับคุณ สีรถที่ถูกโฉลกที่จะทำให้คุณรวย ๆๆๆ ขึ้นตัองเป็นสีเขียวเท่านั้น
แต่ครั้นจะเอารถสีดำไปทำสีใหม่ให้เป็นสีเขียวก็คงทำให้จน ๆๆๆ ลงไปอีก
วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ สถาปนาความจริงอันใหม่ครอบทับความจริงเดิมด้วยการประกาศกันดื้อๆ ว่า รถคันนี้สีเขียว (โว้ย) รู้ไว้ซะ
จริงๆก็ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องการจราจรกับรถเท่านั้นที่ความจริงดูสับสนอย่างนี้ บ้านบางหลังมีเสาไฟฟ้ามาตั้งโด่อยู่หน้าบ้าน ตามตำราฮวงจุ้ยถือว่าอัปมงคลเพราะเหมือนธูปดอกใหญ่ที่ปักใว้หน้าโลงศพ หมอดูฮวงจุ้ยบางคนแนะทางออกง่ายๆ ด้วยการเอาป้ายมาติดไว้ว่า นี่ไม่ใช่เสาไฟฟ้า หรือที่อิสานหากกลัวว่าผีแม่หม้ายจะมาเอาผู้ชายในบ้านไปโดยทำให้ ใหลตาย ก็แค่เอาป้ายมาติดว่า บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย
หรือถ้าอยากรวยก็ติดป้าย บ้านนี้อยู่แล้วรวย ก็ได้
อันที่จริง ความคิดที่ว่าความจริงถูกสถาปนาขึ้นด้วยน้ำมือของถ้อยคำและภาษานั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ปรัชญาดั้งเดิมหลายสายล้วนมีความคิดที่ว่านี้เป็นรากฐาน คนที่เคยไปเที่ยวชมหรือสักการะศาลเจ้าหรือวัดที่ญี่ปุ่นคงเคยสังเกตเห็นว่าที่ปากทางเข้าหน้าศาลเจ้าชินโตหรือวัดในญี่ปุ่นนั้นมักจะมีสิงห์หรือยักษ์สองตนตั้งอยู่ หากช่างสังเกตอีกนิดจะเห็นว่าสิงห์หรือยักษ์นั้นตัวหนึ่งนั้นจะอ้าปาก ส่วนอีกตัวจะหุบปาก
ว่ากันว่า ตัวที่อ้าปากนั้นเป็นการเปล่งเสียง อา ส่วนตัวที่หุบปากนั้นเปล่งเสียง อุม
คำว่า อา เป็นพยางค์แรกในระบบภาษาอินโดยูโรเปี้ยน ส่วน อุม เป็นพยางค์สุดท้าย (ในยุโรป อักษรตัวแรกที่เทียบกับ อา ก็คือ อัลฟ่า ส่วน อุม ก็คือ โอเมก้า นั่นเอง) สองคำนี้รวมกันเข้าเป็นคำว่า โอม ซึ่งเสียงเปล่งอันศักดิ์สิทธิ์อันเป็นจุดกำเหนิดของจักรวาล คำคำนี้จึงถูกใช้ในลัทธิพราหมณ์และฮินดูในการภาวนาเพื่อเข้าถึงความจริงอันสูงสุด
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะถือว่า จักรวาลนี้ถูกสร้างขึ้นจากเสียงที่เปล่งออกเป็นถ้อยคำและภาษาของมนุษย์นั่นเอง
เสียงที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นจึงไม่ใช่ดัง แบง อย่างที่ทฤษฎีบิ๊กแบงเสนอใว้ แต่ดังเป็นเสียง โอม อันเป็นเสียงแห่งภาษาที่สถาปนาความจริงทั้งหมดทั้งมวลของจักรวาลแห่งการรับรู้ของมนุษย์
สิ่งที่ทำให้โลกยุคโพสต์โมเดิร์นแตกต่างไปจากจารีตความรู้ดั้งเดิมทั้งหลายก็คือ การสถาปนาความจริงไม่ได้ถูกผูกขาดโดยอำนาจศักดิ์สิทธิ์อันใดอันเดียวอีกต่อไป และเมื่อไม่มีอำนาจใดมาผูกขาดความจริงได้ ความจริงจึงมีได้หลากหลาย ไม่ได้มีอันเดียว
แต่ที่ว่าความจริงมีได้หลากหลายก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนมีสิทธิเสมอภาคกันในการนิยามความจริง เพราะความจริงถูกสร้างขึ้นพื้นที่แห่งอำนาจ
การเมืองในโลกโพสต์โมเดิร์นจึงเป็นการเมืองที่ช่วงชิงอำนาจในการนิยามความจริง หรือจะเรียกว่าเป็นการเมืองเรื่องญาณวิทยา หรือ epistemic politics ก็ได้ เพราะญาณวิทยาเป็นเรื่องของการตรวจสอบและพิสูจน์ความจริง ถ้าการตรวจสอบและพิสูจน์ความจริงแบบหนึ่งสถาปนาตัวอยู่เหนือการตรวจสอบและพิสูจน์ความจริงแบบอื่นได้ ความจริงชุดหนึ่งก็จะเป็นความเป็นจริงเหนือความจริงชุดอื่นด้วย
เช่น รถสีดำที่ติดป้ายว่าเป็นสีเขียวหากไปชนรถคันอื่นแล้วหนี ถ้าตำรวจตามจับจนได้ เจ้าของรถจะอ้างว่ารถของตนไม่ได้มีสีดำและปฏิเสธที่จะรับผิดชอบก็คงไม่ได้ ต้องไปถูกปรับในฐานะเจ้าของรถสีดำอยู่ดี เพราะในพื้นที่แห่งอำนาจของกฎหมายรถคันนี้ยังไงก็ยังเป็นสีดำ และความจริงทางกฎหมายก็ยังมีอำนาจเหนือความจริงที่หมอดูช่วยสร้างขึ้นอีกด้วย
ที่ว่าอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าหมอดูจะแก้กฎหมายไม่ได้ เพราะกฎระเบียบบ้านเมืองหลายเรื่องก็เกิดขึ้นจากอิทธิพลของหมอดูหรือพ่อมดหมอผีได้เหมือนกัน
จะว่าไปแล้ว หมอดูหรือพ่อมดหมอผีที่สำคัญที่สุดที่ทำหน้าที่สถาปนาความจริงในโลกปัจจุบันเห็นจะไม่พ้นการโฆษณา ในขณะที่หมอดูบอกว่ารถคุณควรเป็นสีอะไรและต้องทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนสีของรถ โฆษณาก็บอกคุณว่ารักแร้ของคุณควรเป็นสีอะไรและทำอย่างไรจึงจะเปลี่ยนสีรักแร้ของคุณได้
ความจริงที่ว่าผู้หญิงที่ดีต้องมีรักแร้ขาวได้ถูกสถาปนาอย่างแน่นหนามั่นคงโดยการโฆษณายาทารักแร้จนในโทรทัศน์และสื่อต่างๆ แทบไม่มีที่ทางสำหรับผู้หญิงรักแร้ดำ
การเมืองเรื่องการสร้างความจริงจึงแทรกซึมอยู่ทั่วทุกอณูของสังคม ตั้งแต่สีรถยันสีรักแร้
จึงต้องระวังให้ดี เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีของรถ สีของรักแร้ หรือแม้แต่เรื่องประชาธิปไตย
ถ้าไม่ระมัดระวังก็อาจเจอความจริงที่ใครบางคนอาศัยอำนาจบางอย่างไปสร้างไปแต่งขึ้น เพื่อกดทับหรือเบียดขับความจริงชุดอื่นไม่ให้มีที่อยู่ที่ยืนในสังคมได้เหมือนกัน
คิดสลับขั้ว โดย โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์
ตีพิมพ์ในนิตยสาร Way ฉบับเดือนมกราคม 2550
•
หนังสือชุดงานคือความดี เล่ม 7 : ฟ้าหลังฝน
•
หนังสือชุดงานคือความดี เล่ม 6 : หุ้นส่วนความดี
•
หนังสือชุดงานคือความดี เล่ม 5 : ก่อนโลกจะขานรับ
•
หนังสือชุดงานคือความดี เล่ม 4 : กำลังใจและความหวัง
ดูทั้งหมด »
E-Mail
รหัสผ่าน
จดจำการล๊อคอิน
สมัครสมาชิก
ลืมรหัสผ่าน
มกราคม
กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน
พฤษภาคม
มิถุนายน
กรกฎาคม
สิงหาคม
กันยายม
ตุลาคม
พฤศจิกายน
ธันวาคม
2023
2024
2025
2026
© 2005-2024 Society and Health Institute (SHI)